• ทุนเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนใหญ่นักศึกษาที่จะได้ทุนนี้จะต้องเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ประเภททุนมีใหญ่ๆสองประเภทได้แก่
  • 1. ทุนวิเทศสัมพันธ์ คือทุนที่ทางมหาวิทยาลัยติดต่อกับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะได้ทุนเป็นค่าเล่าเรียน อีกบางส่วนต้องออกเอง
  • 2. ทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น (Monbukagakusho) ต้องสอบชิงทุนกับคนทั่วประเทศ

        บอกเล่าประสบการณ์จากนักศึกษาที่เคยเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น



พี่นภัสสร (รหัส 56) Kanagawa University(神奈川大学)


ที่ตั้ง

  • Yokohama campus: 3-27-1 Rokkakubashi, Kanagawa-ku, Yokohama-shi, Kanagawa, 221-8686 JAPAN

จุดเด่นของมหาวิทยาลัย

  • ตั้งอยู่กลางเมืองโยโกฮามา จังหวัดคานากาวะ ซึ่งมีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เพราะมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ใกล้กับสถานีโยโกฮามาซึ่งเป็นสถานีใหญ่และบริเวณรอบสถานีก็ยังมีห้างสรรพสินค้ามากมาย และยังสามารถนั่งรถไฟเข้าโตเกียวได้โดยใช้เวลาประมาณ25-40นาที ถึงสถานีชิบุยะ
  • จะมีการจัดหาติวเตอร์ชาวญี่ปุ่นให้(ซึ่งเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย) เพื่อช่วยเหลือในเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทะเบียนเรียน หรือเรื่องจิปาถะอื่นๆ
  • ทุกวันตอนเที่ยงจะมีกิจกรรมให้ได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนญี่ปุ่น(相互学習)ที่International center ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุยและทำความรู้จักเพื่อนใหม่
  • มีกิจกรรมต่างๆจาก International center ให้เข้าร่วม(ตามความสมัครใจ) ไม่ว่าจะเป็น จัดดอกไม้ ชงชา ใส่ชุกยูคาตะ ไปเยี่ยมโรงเรียนมัธยมปลาย บาร์บีคิวปาร์ตี้ ไปจนถึงกิจกรรมที่เป็นเทศกาลของญี่ปุ่น เช่น ทานาบาตะ ตำโมจิ

หลักสูตรและการเทียบโอนหน่วยกิต

  • จะมีการสอบวัดระดับ(Placement test)เพื่อจะแบ่งระดับตามJLPT N1 N2 N3
  • หลักสูตรวิชาสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนจะเน้นทักษะทางภาษาญี่ปุ่น การฟัง พูด อ่าน เขียน และไวยากรณ์
  • นักเรียนแลกเปลี่ยนก็สามารถลงเรียนวิชาทั่วไป(เรียนกับคนญี่ปุ่น)ได้ ตามความเหมาะสม
  • การเทียบโอนวิชามีดังนี้
รายวิชาของ Kanagawa University วิชาที่เทียบโอนได้
Contemporary Japanese Language (Phonetic) (2cr)
Course of Japanese (Pronunciation) I (1cr)
Special Course of Japanese (Pronunciation) II (1cr)
JP 376 Japanese Phonetics and Phonology (3cr)
Special Course of Japanese (Knowledge) C I (1cr)
Special Course of Japanese (Knowledge) C II (1cr)
Special Course of Japanese (Comprehension) C I (1cr)
Japanese (General 2) I (1cr)
JP 416 Advanced Japanese

การใช้ชีวิตประจำวัน

1. ที่อยู่อาศัย

หอพัก ค่าหอ/เดือน ค่าน้ำ/ค่าไฟ/ค่าอินเตอร์เน็ต ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
Hakuraku Dormitory
(หอพักชาย)
35,000 เยน ไม่มี ไม่มีครัวในห้อง / ไม่มีครัวรวม ห้องน้ำรวม ห้องอาบน้ำรวม
International Dormitory
(หอพักหญิง)
35,000 เยน ไม่มี ไม่มีครัวในห้อง / มีครัวรวมตามแต่ละชั้น ห้องน้ำรวม ห้องอาบน้ำรวม
***ภายในห้องส่วนตัวจะมีอ่างล้างหน้าให้ ทั้งสองหอพัก

2. ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยเฉลี่ย (ต่อ 1 เดือน)

ค่าหอพัก รวมค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าอินเทอร์เน็ต : ประมาณ 35,000 เยน
ค่าเดินทาง : ไม่มี เพราะสามารถเดินจากหอพักไปมหาลัยได้ โดยใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
ค่าประกันสุขภาพ : 1,200 เยน/เดือน
ค่าโทรศัพท์ : 3,500 เยน
ค่าอาหาร : 30,000 เยน
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ : 20,000 - 30,000 เยน (ตามแต่บุคคล)
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด : ประมาณ 100,000 เยน/เดือน

การใช้ชีวิตประจำวัน

สำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยคานากวะ มีโอกาสได้รับทุนการศึกษาดังต่อไปนี้

ชื่อทุน ระยะเวลาที่ได้ จำนวนเงิน คุณสมบัติที่ต้องการ การสมัครขอรับทุน
YONEDA 1 ปีการศึกษา 50,000 เยน/เดือน ไม่ได้รับทุนอื่นที่ได้มากกว่า 50,000 เยน ติดต่อกับ International center เพื่อขอรับฟอร์มการสมัคร
JASSO 1 ภาคเรียน หรือ 1 ปีการศึกษา 80,000 เยน/เดือน สูงสุด 12 เดือน มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป ติดต่อที่สำนักงานวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ International center เพื่อขอรับแบบฟอร์มการสมัคร

[กลับขึ้นด้านบน]


พี่มนัสนันท์ (รหัส 56) Doshisha University (同志社大学)


หอพัก

        คิดว่าเกือบทุกรุ่นจะได้หอ Doshisha Masion Iwakuni ซึ่งเป็นหอพักรวม อยู่ห่างจากสถานีเกียวโตประมาณ 20 นาที โดยบริเวณสถานีเกียวโตจะมีย่านการค้ามากมาย และหอจะอยู่ห่างจากรถไฟใต้ดินประมาณ 15 นาที
        หอพักนี้อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัย Doshisha พอสมควร ถ้าปั่นจักรยานจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่เนื่องจากมีสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ใกล้หอ และที่ใต้มหาลัย (Imadegawa campus) มีสถานีรถไฟใต้ดิน ดังนั้นถ้านั่งรถไฟใต้ดินไปจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที
        ห้องพักมีขนาดค่อนข้างเล็กแต่พอดีสำหรับการอยู่คนเดียว ภายในห้องพักจะมีแทบทุกอย่าง ทั้งโซนที่เป็นห้องครัว(เล็กๆ) อ่างล้างจาน ห้องน้ำ ไมโครเวฟ ตู้เย็น แอร์คอนดิชั่นเนอร์ (เครื่องซักผ้ากับเครื่องปั่นแห้งต้องใช้ของส่วนรวมที่อยู่ชั้นใต้ดิน) เนื่องจากในห้องมีแทบทุกอย่าง ดังนั้นค่าหอจะค่อนข้างแพง เดือนละ 37,700 เยน ค่าอินเตอร์เน็ตจ่ายต่างหาก แต่ค่าน้ำและค่าไฟรวมอยู่ในค่าหอแล้ว

มหาวิทยาลัย

        มหาวิทยาลัย Doshisha จะมีอยู่หลายวิทยาเขต แต่ส่วนใหญ่จะเรียนที่ Imadegawa campus อาคารเรียนจะค่อนข้างเป็นแบบยุโรป และมีโบสถ์อยู่ด้วย ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามมากแห่งหนึ่งแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากก็ตาม
        โปรแกรมที่ได้เรียนจะเป็นโปรมแกรมของนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศ (日本語・日本文化教育センター) ซึ่งจะต้องมีการสอบวัดระดับก่อนเรียนทุกเทอม เป็นข้อสอบปรนัย และจะมีการสอบสัมภาษณ์ในเทอมแรก และทางมหาลัยจะจัดระดับตามคะแนนที่ทำได้โดยจะแบ่งเป็น 9 ระดับ ซึ่งระดับที่ 9 คือระดับสูงสุด เนื้อหาในการเรียนวิชาที่เกี่ยวกับทักษะทางภาษาญี่ปุ่น (ไวยากรณ์ ฟัง พูด อ่าน เขียน) จะแตกต่างกันตามระดับ ส่วนพวกวิชาประวัติศาสตร์ วรรณกรรม หรือวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะมีเงื่อนไขของระดับในการลงทะเบียนเรียนที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกลงเรียนวิชาทั่วไปที่เรียนร่วมกันกับคนญี่ปุ่นได้ถ้ามีเงื่อนไขครบ

กิจกรรม

        สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆผ่านทางชมรมของมหาวิทยาลัยหรือกิจกรรม (SIED) สำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่จะมีมาเรื่อยๆได้ นอกจากนี้เนื่องจากเกียวโตเป็นเมืองหลวงเก่าที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นเอาไว้อยู่ ทำให้สามารถทดลองหาประสบการณ์ต่างๆได้ง่าย


[กลับขึ้นด้านบน]


พี่สุพพัตรา (รหัส 56) Nara Women's University(奈良女子大学)


        ได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ Nara Women's University จังหวัดนารา ในช่วงเดือนตุลาคม 2557- สิงหาคม 2558 อาศัยอยู่ที่หอพักสำหรับชาวต่างชาติของมหาวิทยาลัย โดยมีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ด้วยประมาณ 2-3 คนคอยให้คำแนะนำหรือเวลามีเรื่องอะไรก็สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือได้ ระยะทางจากหอพักถึงมหาวิทยาลัยไม่ไกลมาก เดินเท้าประมาณ 5 นาทีถือว่าสะดวกมากทีเดียว นอกจากนี้ค่าเช่าหอพักเพียงเดือนละ 6,800 เยน (ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟและค่าอินเทอร์เน็ตต่างๆ ) ห้องสภาพดี เรียบร้อย มีห้องน้ำและโอฟุโระในตัว ส่วนห้องครัวเป็นห้องครัวสำหรับส่วนรวม

การเดินทาง

        ส่วนใหญ่แล้วจะเดินเท้า เดินทางโดยรถประจำทางและรถไฟ การเดินทางโดยรถประจำทางอาจลำบากเล็กน้อย ถ้าไม่คุ้นชินกับวิธีการอ่านสายรถ เนื่องจากจุดจอดรถบริเวณใกล้เคียงอยู่หลายจุดมาก หากไม่ดูให้ดีก็อาจขึ้นรถผิดและหลงทางได้
        สายรถไฟที่ใช้ส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 สายด้วยกัน ได้แก่ สาย近鉄奈良(Kintetsu Nara) ส่วนรถไฟ JR奈良 ใช้เมื่อต้องการออกไปนอกเมืองหรือท่องเที่ยวไปตามจังหวัดต่างๆ

การเรียน

        ชาวต่างชาติจะได้เรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้โดยเฉพาะ โดยแบ่งเป็นวิชาบังคับและวิชาเลือกที่สามารถเลือกได้เองว่าต้องการเรียนวิชาใด ในส่วนของวิชาเลือกจะมีวิชาที่มีโอกาสได้เรียนร่วมกับคนญี่ปุ่นด้วย โดยจะเป็นวิชาด้านสังคม วัฒนธรรม ภาษาศาสตร์ เป็นต้น ส่วนวิชาบังคับจะเป็นการเรียนภาษาญี่ปุ่นฝึกฝนทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียนและไวยากรณ์ระดับสูง

กิจกรรม

        มีทั้งกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นและกิจกรรมจากหน่วยงานนอก สำหรับชมรมในมหาวิทยาลัยก็สามารถเข้าร่วมได้ด้วยเช่นกัน กิจกรรมในมหาวิทยาลัยจะมีการประกวดสุนทรพจน์สำหรับชาวต่างชาติ โดยจัดแข่งขันภายในมหาวิทยาลัยก่อน ผู้ที่ชนะเลิศจะได้แข่งขันต่อในระดับจังหวัด ซึ่งจะมีรางวัลสำหรับผู้เข้าแข่งขันด้วย นอกจากนี้ยังมีการทำกิจกรรมร่วมกับคนญี่ปุ่น โดยกิจกรรมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเลือกตัวหนึ่ง ที่ให้คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติได้รู้จักกันและร่วมกันคิดกิจกรรมของกลุ่ม เช่น จัดทัวร์เที่ยวเมืองเกียวโต จัดปาร์ตี้อาหารเอเชีย เพื่อสร้างโอกาสให้ได้พูดคุยและสร้างความสัมพันธ์กับคนญี่ปุ่น
        กิจกรรมจากหน่วยงานนอกจะเป็นศูนย์ชาวต่างชาติของนารา โดยจัดกิจกรรมพานักศึกษาต่างชาติไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในเมืองนารา ในราคาพิเศษหรือไม่เสียค่าใช้จ่ายในบางครั้ง เป็นกิจกรรมที่ทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับนักศึกษาต่างชาติคนอื่นต่างมหาวิทยาลัยในจังหวัดนารา

ค่าใช้จ่าย

        เนื่องจากค่าครองชีพในนาราไม่สูงมากนัก ค่าใช้จ่ายจึงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ รวมค่ากินอยู่ประมาณ 40,000 เยนก็น่าจะเพียงพอ
        ช่วงระยะเวลาที่ได้ไปแลกเปลี่ยนทำให้มองโลกได้กว้างขึ้น ได้เห็นความเติบโตของตัวเอง ใช้ชีวิตจัดการทุกอย่างคนเดียว ปรับตัวให้เข้ากับสังคมภายนอก ถือเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตจริงและเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ


[กลับขึ้นด้านบน]


พี่ธุวานนท์ (รหัส 56) Mie University(三重大学)


        ไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยมิเอะได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 - สิงหาคม 2017 เป็นครั้งแรกที่ได้ไปแลกเปลี่ยนในต่างประเทศ รู้สึกตื่นเต้นและกังวลมาก ทำให้เราต้องเตรียมพร้อมหลายๆอย่างด้วยตัวเอง วันแรกที่ไปถึงทางเจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยก็ได้มารับสถานที่จุดนัดพบ และได้พาไปยังหอพักที่ตัวเองได้เลือกไว้เป็นหอพักชาวต่างชาติ หอพักค่อนข้างใหม่มาก อยู่ติดริมทะเล หลังเล็กๆมี2ชั้น ห้องอาบน้ำและห้องครัวเป็นแบบรวม มีทีวี เตาแก๊สไฟฟ้า ส่วนห้องสุขาอยู่ในห้อง จากหอเดินทางไปห้องเรียนโดยการปั่นจักรยานใช้เวลาประมาณ10 นาที จักรยานทางมหาวิทยาลัยจะมีโครงการรีไซเคิลให้นักเรียนแลกเปลี่ยนได้รับจักรยานไปใช้ฟรีๆ หรือจะได้รับจากรุ่นพี่คนไทยที่อยู่ที่นั้น

ค่าใช้จ่าย

        ก่อนเรียนจะมีการสอบวัดระดับของทางมหาวิทยาลัยเพื่อแบ่งห้องเรียน เนื้อหาของข้อสอบจะมีตั้งแต่ระดับ N5 ไปจนถึงระดับ N1 เมื่อสอบเสร็จแล้วก็จะรู้ผลและห้องเรียนของเรา ณ ตอนนั้นเลย นอกจากวิชาภาษาญี่ปุ่นแล้วยังมีวิชาเลือกที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น วิชาชงชา เขียนคันจิด้วยพู่กัน มีเดียญี่ปุ่นที่เรียนรู้เกี่ยวกับโฆษณาของญี่ปุ่น สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนต้องลงเรียนวิชาทั้งหมด 7 ตัวขึ้นไป โดยสามารถลงวิชาของคณะมนุษย์ศาสตร์ได้ (เรียนกับเพื่อนคนญี่ปุ่น) เช่น วิชาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การสื่อสาร อาเซียน ยุโรป รวมไปถึงวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ก็สามารถเรียนได้ด้วยเช่นกัน

กิจกรรม

        มหาวิทยาลัยมิเอะมีชมรมต่างๆมากมาย ทั้ง เคนโด้ ยูโด ยิงธนู แบดมินตัน เทราโกยะ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งนักเรียนแลกเปลี่ยนสามารถเข้าชมรมได้ทุกชมรม ชมรมจะมี2 ประเภทคือ บุคะสึ กับ ซะคุรุ สำหรับบุคะซึ จะค่อนข้างเข้มงวดใน1สัปดาห์ ต้องเข้าไปฝึกซ้อมบ่อยครั้ง แต่สำหรับ ซะคุรุ จะไม่เข้มงวดเท่าไหร่นัก

การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น

        เนื่องจากมหาวิทยาลัยมิเอะอยู่ในต่างจังหวัด ทำให้บรรยากาศโดยรอบๆค่อนข้างเงียบสงบมาก แต่การเดินทางของคนที่นี่ทุกคนจะใช้จักรยานในการเดินทาง ไม่ว่าจะไปซื้อของ ซุปเปอร์มาเก็ต หรือทานอาหารข้างนอก เพราะว่ารถไฟค่อนข้างน้อยจึงขอแนะนำให้ฝึกซ้อมการขี่จักรยานก่อนมา แต่ข้อดีของการใช้จักรยานคือ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียวสำหรับงานพิเศษ มีสถานที่ให้ทำงานพิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือสอนภาษาไทยให้แก่คนญี่ปุ่นซึ่งจะได้รับมาจากรุ่นพี่ที่กลับไปแล้ว สำหรับค่าครองชีพที่นี่ถือว่าค่อนข้างถูก ร้านอาหารส่วนมากราคาไม่เกิน 800 เยน โดยเฉพาะโรงอาหารและร้านสะดวกซื้อในมหาวิทยาลัยที่ราคาจะถูกมากเป็นพิเศษไม่เกิน 500 เยน
        ในท้ายที่สุด การได้มาแลกเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่ดีและมีค่ามาก มุมมองความคิดที่เปลี่ยนไปและความรับผิดชอบของเราตัวเองก็จะมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้มาแลกเปลี่ยนควรใช้ทุกเวลาให้คุ้มค่า ทำในสิ่งที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ทำ หาประสบการณ์ที่ดี เรียนรู้ผู้คน และสิ่งแวดล้อมของที่นั่น เรียนรู้ข้อดีข้อเสียแล้วนำปรับใช้ในชีวิต เพื่อประโยชน์ของตัวเราเองและประเทศชาติในอนาคต


[กลับขึ้นด้านบน]